ใช้คีย์ไฟล์ Manifest "incognito"
กับ "spanning"
หรือ "split"
เพื่อระบุวิธีการทำงานของส่วนขยายดังกล่าวหากได้รับอนุญาตให้ทำงานในโหมดไม่ระบุตัวตน ใช้ "not_allowed"
เพื่อป้องกันไม่ให้เปิดใช้ส่วนขยายนี้ในโหมดไม่ระบุตัวตน
เฉพาะส่วนขยายเท่านั้นที่สามารถเลือกได้ แอปจะใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับประเภทแอปเสมอ ได้แก่ "spanning"
สำหรับแอป Chrome และ "split"
สำหรับเว็บที่ติดตั้งได้และแอปแพ็กเกจแบบเดิม
โหมดขยาย
ค่าเริ่มต้นสำหรับส่วนขยายและแอป Chrome คือ "spanning"
ซึ่งหมายความว่าส่วนขยายจะทำงานในกระบวนการที่ใช้ร่วมกันรายการเดียว ระบบจะส่งเหตุการณ์หรือข้อความจากแท็บที่ไม่ระบุตัวตนไปยังกระบวนการแชร์ โดยมีธงโหมดไม่ระบุตัวตนระบุว่ามาจากที่ใด เนื่องจากแท็บที่ไม่ระบุตัวตนใช้กระบวนการที่แชร์นี้ไม่ได้ ส่วนขยายที่ใช้โหมดไม่ระบุตัวตน "spanning"
จึงไม่สามารถโหลดหน้าเว็บจากแพ็กเกจส่วนขยายไปยังเฟรมหลักของแท็บที่ไม่ระบุตัวตนได้
โหมดแยก
ค่าเริ่มต้นสำหรับเว็บแอปที่ติดตั้งได้และแอปแพ็กเกจแบบเดิมคือ "split"
ซึ่งหมายความว่าหน้าแอปทั้งหมดในหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตนจะทำงานในกระบวนการที่ไม่ระบุตัวตนของตนเอง หากแอปหรือส่วนขยายมีหน้าพื้นหลัง แอปหรือส่วนขยายนั้นจะทำงานในกระบวนการที่ไม่ระบุตัวตนด้วยเช่นกัน กระบวนการไม่ระบุตัวตนนี้จะทำงานควบคู่ไปกับกระบวนการปกติ แต่จะมีการจัดเก็บคุกกี้เฉพาะหน่วยความจำแยกต่างหาก แต่ละกระบวนการจะเห็นเหตุการณ์และข้อความจากบริบทของตัวเองเท่านั้น (เช่น กระบวนการไม่ระบุตัวตนจะเห็นเฉพาะการอัปเดตแท็บที่ไม่ระบุตัวตน) กระบวนการต่างๆ ไม่สามารถสื่อสารกันได้
ไม่อนุญาต
ไม่สามารถเปิดใช้ส่วนขยายในโหมดไม่ระบุตัวตน พร้อมให้ใช้งานใน Chrome 47
วิธีเลือก
โดยทั่วไปแล้ว หากส่วนขยายหรือแอปจำเป็นต้องโหลดแท็บในเบราว์เซอร์ที่ไม่ระบุตัวตน ให้ใช้ลักษณะการทำงานแบบแยกแบบไม่ระบุตัวตน หากต้องบันทึกส่วนขยายหรือแอปไว้ในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ให้ใช้ลักษณะการทำงานหลายในโหมดไม่ระบุตัวตน
chrome.storage.sync และ chrome.storage.local จะแชร์เสมอระหว่างกระบวนการปกติและไม่ระบุตัวตน ขอแนะนำให้ใช้ส่วนขยายประเภทนี้เพื่อรักษาการตั้งค่าของส่วนขยาย