รูปแบบข้อความการแปล

{
  "name": {
    "message": "Message text, with optional placeholders.",
    "description": "Translator-aimed description of the message.",
    "placeholders": {
      "placeholder_name": {
        "content": "A string to be placed within the message.",
        "example": "Translator-aimed example of the placeholder string."
      },
      ...
    }
  },
  ...
}

{
  "prompt_for_name": {
    "message": "What's your name?",
    "description": "Ask for the user's name"
  },
  "hello": {
    "message": "Hello, $USER$",
    "description": "Greet the user",
    "placeholders": {
      "user": {
        "content": "$1",
        "example": "Cira"
      }
    }
  },
  "bye": {
    "message": "Goodbye, $USER$. Come back to $OUR_SITE$ soon!",
    "description": "Say goodbye to the user",
    "placeholders": {
      "our_site": {
        "content": "Example.com",
      },
      "user": {
        "content": "$1",
        "example": "Cira"
      }
    }
  }
}

"prompt_for_name": {
  ...
},
"hello": {
  ...
},
"bye": {
  ...
}

"message": "What's your name?"
...
"message": "Hello, $USER$"
...
"message": "Goodbye, $USER$. Come back to $OUR_SITE$ soon!"

"message": "Amount (in $$)"

แม้ว่าตัวยึดตำแหน่ง เช่น $USER$ จะเป็นวิธีที่แนะนำให้ใช้ในสตริงการแทนที่
(สตริงที่ระบุโดยใช้พารามิเตอร์ substitutions ของ i18n.getMessage) ที่คุณสามารถอ้างถึงได้
เพื่อแทนที่สตริงภายในข้อความโดยตรง ตัวอย่างเช่น ข้อความต่อไปนี้อ้างอิงถึง
สตริงแทนที่ 3 รายการแรกที่ส่งผ่านไปยัง getMessage():
"message": "Params: $1, $2, $3"

แม้จะมีตัวอย่างนี้ แต่เราขอแนะนำให้คุณใช้ตัวยึดตำแหน่งแทนสตริง $_n_
ในข้อความของคุณได้ ให้คิดว่าตัวยึดตำแหน่งเป็นชื่อตัวแปรที่ดี 1 สัปดาห์หลังจากที่คุณเขียน
คุณอาจลืมว่า $1 หมายถึงอะไร แต่คุณจะรู้ว่าตัวยึดตำแหน่งหมายถึงอะไร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวยึดตำแหน่งและสตริงการแทนที่ โปรดดูที่ส่วนตัวยึดตำแหน่ง

คำอธิบาย

ไม่บังคับ คำอธิบายข้อความโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้บริบทหรือรายละเอียดเพื่อช่วยนักแปล
ทำการแปลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคำอธิบาย 3 รายการ ซึ่งนำมาจากส่วนตัวอย่าง
"description": "Ask for the user's name"
...
"description": "Greet the user"
...
"description": "Say goodbye to the user"

ตัวยึดตำแหน่ง

ไม่บังคับ กำหนดสตริงย่อยอย่างน้อย 1 สตริงที่จะใช้ภายในข้อความ นี่เป็นเหตุผล 2 ประการที่คุณ
อาจต้องการใช้ตัวยึดตำแหน่งดังนี้


เพื่อกำหนดข้อความสำหรับส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อความที่ไม่ควรแปล เช่น โค้ด HTML
ชื่อที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ตัวระบุการจัดรูปแบบ
หากต้องการอ้างอิงสตริงการแทนที่ที่ส่งผ่านไปยัง getMessage() ตัวอย่างเช่น $1


ตัวยึดตำแหน่งแต่ละตัวมีชื่อหรือ "content" รายการ และ "ตัวอย่าง" ที่ไม่บังคับ รายการ ชื่อของตัวยึดตำแหน่ง
ไม่คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ และอาจมีอักขระเหมือนกับชื่อข้อความ

"เนื้อหา" ค่าของรายการคือสตริงที่สามารถอ้างถึงสตริงการแทนที่ ซึ่งระบุ
โดยใช้พารามิเตอร์การแทนที่ของเมธอด i18n.getMessage ค่าของ "เนื้อหา" รายการคือ
ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็น "Example.com" หรือ "$1" ถ้าคุณอ้างถึงสตริงการแทนที่ที่ไม่
คุณจะได้รับสตริงว่างเปล่า ตารางต่อไปนี้แสดงความสอดคล้องของสตริง $_n_ กับสตริง
ที่ระบุโดยพารามิเตอร์ substitutions

พารามิเตอร์ substitutions
มูลค่า $1
มูลค่า $2
มูลค่า $3
userName
ค่าของ userName
""
""
["Cira", "Kathy"]
"Cira"
"Kathy"
""

"ตัวอย่าง" item (ไม่บังคับแต่แนะนำอย่างยิ่ง) จะช่วยนักแปลโดยการแสดงให้เห็นว่าเนื้อหา
ปรากฏต่อผู้ใช้ปลายทาง ตัวอย่างเช่น ตัวยึดตำแหน่งสำหรับจำนวนเงินดอลลาร์ควรมีตัวอย่างดังนี้
"$23.45"

ข้อมูลโค้ดต่อไปนี้ซึ่งนำมาจากส่วนตัวอย่างแสดง "ตัวยึดตำแหน่ง" รายการที่
มีตัวยึดตำแหน่ง 2 รายการชื่อ "our_site" และ "ผู้ใช้" "our_site" ตัวยึดตำแหน่งไม่มี "ตัวอย่าง"
สินค้าเนื่องจากเห็นคุณค่าของสินค้านี้อย่างชัดเจนจาก "เนื้อหา" ด้วย
"placeholders": {
  "our_site": {
    "content": "Example.com",
  },
  "user": {
    "content": "$1",
    "example": "Cira"
  }
}